ผ้ายันต์หน้าพระ หรือ ยันต์หน้านาง ตำรับ ลพ.ไสว วัดปรีดาราม อาจารย์เสี่ย มนัส สิวาภิรมย์รัตน์
หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ หรือ ท่านพระครูสถิตโชติคุณ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2464 มีนามเดิมว่า ไสว พุทธสร โยมบิดาชื่อ นายเสือ อดีตเป็นผู้ใหญ่บ้าน โยมมารดาชื่อ อิ่ม เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน เกิด ณ บ้านตำบลราชคาม อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลังจากที่โยมบิดาของท่านได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ท่านก็ได้เร่ร่อนพเนจรไปตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่งด้วยกัน จนกระทั่งต่อมาได้มาเป็นเด็กวัดปรีดาราม หรือวัดยายส้ม และได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือจนสำเร็จชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนวัดปรีดารามแห่งนี้ ครั้นต่อมาเมื่อมีอายุได้ 16 ปี พ.ศ.2481 จึงบรรพชาเป็นสามเณรตามความตั้งใจ ณ อุโบสถวัดปรีดาราม หรือวัดยายส้ม โดยมีหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ นอกจากนั้นท่านยังสนใจด้านวิปัสสนาธุระและด้านคันถธุระโดยเฉพาะด้านคันถธุระได้ศึกษาพระปริยัติธรรม จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี โท ตามลำดับ ทั้งยังได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอีกด้วย
เท่าที่ได้สอบถามข้อมูลจากบรรดาชาวบ้านในละแวกนั้น และบรรดาศิษย์นุศิษย์ที่เคารพนับถือในตัวท่านก็บอกกันว่า หลวงพ่อ ไสวท่านได้
ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ หลายองค์ด้วยกัน ที่สำคัญจะกล่าวถึง คือ
เสือย้อย ชูรอด อาจารย์ของหลวงพ่อไสว ซึ่งเป็นฆราวาสที่ชาวบ้านให้สมญานามว่า “#เสือย้อยใจยักษ์ ” เสือย้อยคนนี้ เป็นคนบ้านถนนขาด
จังหวัดนครปฐม ซึ่งเก่งกล้า ทางด้านเวทมนต์คาถายิ่งนัก เจ้าหน้า ที่ตำรวจในสมัยนั้นเคยปราบปรามและต้องการตัว แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง
แทบทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน เพราะไม่สามารถทำอะไรเสือย้อยได้เลย ต่อมาภายหลังเสือย้อยได้กลับตัวเป็นคนดี เลิกอาชีพเป็นเสือปล้นโดยเด็ดขาด
หลวงพ่อไสวเองได้มีโอกาสได้รู้จักกับเสือย้อย และขอร่ำเรียนวิชา ยันต์หน้านาง หรือที่เรียกว่า ยันต์หน้าคนนะหน้าพระ โดยได้รับการถ่าย
ทอดวิชาตำรับยันต์อย่างสมบูรณ์แบบ ท่านได้ฝึกฝนสูตรสนธิต่างๆ จนเชี่ยวชาญและแม่นยำ ตลอดทั้งการบริกรรมภาวนาปลุกเสกยันต์หน้านางจน
เกิดความเชี่ยวชาญและขลัง จนเป็นที่เชื่อมั่นและถือเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของท่าน ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าเหรียญรูปเหมือนทุกรุ่นของ
หลวงพ่อไสวจะใช้ยันต์หน้านางประทับอยู่หลังเหรียญของท่าน แสดงให้เห็นว่ายันต์นี้มีอานุภาพเต็มเปี่ยมมหาศาล ใช้ได้ในทุกๆ ด้าน
#โดยสมัยก่อนหลวงพ่อไสวจะไปขอเรียนวิชานี้จากเสือย้อย มีค่ากำนันครูคือจะต้องนำขันสัมฤทธิ์ไปเป็นค่ากำนันครู(กล่าวกันว่าขันสัมฤทธิ์เพื่อให้เวลาเรียนแล้วได้สัมฤทธิ์ผล) โดยหลวงพ่อไสววัดปรีดาราม ท่านได้ไปยืมขันสัมฤทธิ์จากชาวบ้าน มาทำพิธีไหว้ครูแต่เมื่อเสือย้อยได้ทราบถึงความตั้งใจของหลวงพ่อไสวแล้ว เสือย้อยจึงได้คืนคันสัมฤทธิ์ให้กับหลวงพ่อไสว
นั่นแสดงว่าสมัยก่อนการเรียนวิชานี้ค่อนข้างที่จะมีค่ากำนลครูสูง ซึ่งนับเป็นวิชาที่สำคัญอย่างยิ่งในสายของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
โดยท่านอาจารย์มนัส ได้ไปเรียนวิชานี้มากับหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม และเป็นวิชาที่ท่านหวงแหนมาก หลังจากที่หลวงพ่อไสวได้มรณภาพไปแล้ว มีวันหนึ่งขนาดท่านอาจารย์มนัส ได้ไปวัดไสวปรีดาราม เพื่อกราบไหว้รูปของรูปอาจารย์ของท่าน ได้มีพระในวัดที่ทันกับหลวงพ่อไสว ที่เห็นหลวงพ่อไสวสอนวิชาให้อาจารย์มนัส ได้วิ่งเข้ามาหาเพื่อขอเรียนยันต์หน้าพระหน้านางกับท่านอาจารย์มนัส ก็แสดงว่ายันต์หน้าพระหน้านางท่านสอนให้น้อยคนมากจึงเป็นที่หวงแหนกันมาก
#พุทธคุณ โดยคาถาที่ลงนั้น จะมี มหาเสน่ห์ ตัณหาราคะ คำว่าและนะชาลีติ เน้นไปด้านดังนั้นด้วยบาทคาถาที่ลงจึง
1.เมตตา
2.มหานิยม
3.มหาเสน่ห์
4.โชคลาภ
#วิธิใช้
1.ถ้าเป็นผ้ายันต์ท่านว่าจะไปค้าขายหรือพบเจ้านายรวมถึงอิสตรีให้พกติดตัวไว้ ขันจะเข้าหาท่านว่าให้อธิษฐานขอในสิ่งที่ท่านปรารถนา เช่น ข้าพเจ้ามาวันนี้เพื่อพบเจ้านายคนนี้ขอให้เจรจาได้ราบรื่นประสบความสำเร็จจงคล้อยตามข้าพเจ้าอย่าได้มีติดขัด เป็นต้น
2.ส่วนยันต์นั้นสามารถลบเป็นผงให้อิสตรีกินจะหลงใหลในตัวบุรุษท่านนั้น
3.ตัวแผ่นยันต์โลหะทองแดง สามารถนำไปแช่น้ำหอมหรือน้ำมันจันทร์เพื่อจุนเจิมตามหน้าผากเวลาออกจากบ้านเพื่อให้มีเมตตามหานิยมและเป็นเสน่ห์ในตัวได้ด้วย
4.ตัวแผ่นยันต์โลหะสามารถม้วนเป็นตะกรุดพกไว้ติดตัว เวลาหาเข้านางเลื่อนมาไว้ด้านซ้าย เข้าหาเจ้านายให้เลื่อนตะกรุดไปด้านขวา แต่ถ้าจะถอยหรือวิ่งหนีให้เลื่อนตะกรุดไว้ด้านหลัง ถ้าจนตัวแล้วจะสู้ให้เลื่อนตะกรุดไว้ด้านหน้า
5.นอกจากนี้แล้วตัวสะกดที่เป็นแผ่นยันต์หรือโลหะสามารถป้องกันอันตรายเป็นมหาอุดแคล้วคลาดคงกระพันได้ด้วย โดยเฉพาะตัวอัดด้านขวามือ จะมีบาทคาถาที่ว่า อะอุดอัด ซึ่งเป็นไปในทางมหาอุดปืนมิออกจากกระบอก ส่วนตัวนะด้านขวา มีแบบคาถาที่ว่า นะกันอาวุธ ปัดป้องปิด จึงใช้ป้องกันอาวุธให้แคล้วคลาดปัดทิ้งไปได้
โดยผ้ายันต์นะหน้าพระ(หน้านาง) นี้ท่านอาจารย์มนัส สิวาภิรมย์รัตน์ ได้สร้างไว้ด้วยวัสดุ 2 แบบด้วยกันคือ
#ผ้ายันต์ หน้าพระหรือหน้านาง เปิดให้บูชา 2300 (ขนาด 10 นิ้ว X 10 นิ้ว)
#แผ่นโลหะ เปิดให้บูชา 2300 (2.5X2.5 นิ้ว)