น้ำตาลทานเเล้วไม่รู้สึกผิด ไซลิทอลแท้100% 500 กรัม
Xylitol หรือ ไซลิทอล เป็นสารให้ความหวาน (sweetener) ซึ่งเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ (sugar alcohol) ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล (sugar substitute) ในโครงสร้างโมเลกุลมีคาร์บอน 5 อะตอม ในธรรมชาติพบได้ในพืชผัก ผลไม้หลายชนิด เช่น สตรอเบอร์รี่
การผลิตทางการค้าใช้วัตถุดิบ คือ glucose syrup เป็นสารที่แบคทีเรีย ไม่สามารถย่อยสลายให้เกิดสภาวะกรดในช่องปากได้ จึงไม่เป็นเหตุให้เกิดฟันผุ ให้พลังงานเท่ากับน้ำตาล ( sucrose) แต่ร่างกายดูดซึมได้น้อยกว่า ใช้เป็นส่วนประกอบของ ลูกอม (candy) ลูกกวาด (hard boiled candy) หมากฝรั่ง (bubble gum)
ไซลิทอล (อังกฤษ : Xylitol) เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่มีคาร์บอน 5 อะตอมใช้ให้ความหวานเพื่อใช้ทดแทนน้ำตาล โดยมีอยู่ตามธรรมชาติ สามารถพบได้ทั่วไปในผักผลไม้หลายชนิด ในทางการแพทย์ มีการใช้ไซลิทอลเป็นอาหารทางสายของผู้ป่วย และยังมีการใช้เพื่อป้องกันฟันผุ เพราะไซลิทอลทำให้ความเป็นกรดในน้ำลายลดลง การเกิด remineralized บนตัวฟันจะเกิดได้มากขึ้น [1]
ไซลิทอล (Xylitol) เป็นสารน้ำตาลแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่มีความหวานเท่ากับน้ำตาลแต่ให้พลังงานกับร่างกายน้อยกว่ากล่าวคือ ไซลิทอล 1 กรัมจะให้พลังงาน 2.43 กิโลแคลอรี (Kilocalorie) ในขณะที่น้ำตาล 1 กรัมจะให้พลังงาน 3.87 กิโลแคลอรี ไซลิทอลตามธรรมชาติจะถูกพบในอาหารประเภทผลไม้และผัก จากการศึกษาถึงระดับโครงสร้างทางเคมีของไซลิทอลพบว่า น้ำตาลแอลกอฮอล์ชนิดนี้ลดการกระตุ้นให้เกิดฟันผุได้ จากคุณสมบัติดังกล่าวอุตสาหกรรมอาหารอย่างเช่นผู้ผลิตหมากฝรั่ง ลูกอม ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ยังพบได้ในบางยี่ห้อได้นำไซลิทอลมาเป็นส่วนประกอบในการเพิ่มรสชาติผลิตภัณฑ์และใช้การที่สารนี้ปลดปล่อยพลังงานให้ร่างกายน้อยกว่าน้ำตาลมาเป็นจุดขายอีกด้วย
ในทางคลินิกได้ระบุว่าไซลิทอลปลอดภัยต่อการใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานและสามารถรักษาสมดุลของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้เป็นเพราะไซลิทอลถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารได้ช้ากว่าน้ำตาลและจะค่อยๆปลดปล่อยพลังงานให้กับร่างกาย จึงเป็นเหตุผลที่ทางคลินิกใช้ไซลิทอลแทนน้ำตาลกับผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้วสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมิให้สูงเกินปกติ
มีผู้ผลิตบางรายนำไซลิทอลมาผลิตเป็นหมากฝรั่งและใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหูชั้นกลางอักเสบ โดยระบุว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งไซลิทอลนั้นสามารถกระตุ้นกลไกธรรมชาติของมนุษย์ให้เกิดการไหลเวียนและการชะล้างโพรงจมูก-คอ ทำให้ลดปริมาณของแบคทีเรียในบริเวณอวัยวะดังกล่าวและส่งผลบรรเทาอาการแพ้จากตัวกระตุ้นในบริเวณหูอีกด้วย
จากการศึกษาความเป็นพิษที่จะมีต่อร่างกายมนุษย์มีข้อสรุปออกมาว่า ไซลิทอลไม่ได้ก่อให้เกิดอาการพิษต่อร่างกายมนุษย์แต่อย่างใด เพียงแต่ไซลิทอลอาจจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากขับถ่ายอุจจาระหรือระบายอุจจาระด้วยธรรมชาติของไซลิทอลจะถูกย่อยได้ช้าจากลำไส้เล็ก การศึกษานี้ยังระบุอีกว่าการบริโภคไซลิทอลมากกว่า 50 - 65 กรัม/วันสามารถกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายฯขึ้นได้ หากมองในด้านบวกก็อาจใช้กลไกนี้ของไซลิทอลมาผลิตเป็นยาระบาย/ยาแก้ท้องผูก
อาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) อื่นที่อาจพบเห็นได้หลังจากบริโภคไซลิทอลเช่น มีภาวะท้องอืดเนื่องจากไซลิทอลเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่ถูกย่อยได้ยาก นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะท้องเสียกับผู้ป่วยบางรายได้ด้วย
สำหรับประเทศไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความพอใจต่อการบริโภคน้ำตาลมากกว่าการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลซึ่งรวมถึงไซลิทอล ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากต้นทุนความสามารถในการนำเสนอของผู้ผลิตที่ยังไม่เข้าถึงผู้บริโภคเช่น สื่อโฆษณา จึงทำให้การบริโภคไซลิทอลยังคงอยู่แต่ในภาคอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมยาเท่านั้น
สารให้ความหวานอีกตัวหนึ่งที่หลายคนคงคุ้นหูกันมาแล้วก็คือ “ไซลิทอล” (xylitol) ซึ่งนอกจากจะให้ความหวานทดแทนน้ำตาลได้แล้วยังสามารถให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลซูโครสถึง 40% ด้วย แต่จุดเด่นที่สำคัญของสารไซลิทอลไม่ได้อยู่ที่ความหวานแบบโลว์แคลลอรี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าสังเกตข้างกล่องหมากฝรั่งยี่ห้อหนึ่งจะพบกับคำโฆษณาที่ว่า “หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล มีส่วนผสมของสาร xylitol ช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ” แล้วสารให้ความหวานมันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการฟันผุด้วย
มีการทดลองสนับสนุนคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียของสารไซลิทอลตีพิมพ์ในวารสาร ทางทันตกรรมอยู่หลายเรื่อง เช่น การเปรียบเทียบจำนวนฟันผุที่เกิดขึ้นในผู้ที่เคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสม ของน้ำตาลทราย (2.92 ซี่) และหมากฝรั่งที่ใช้สารไซลิทอลแทนน้ำตาล (1.04 ซี่) [Scheinin et al Acta Odontol Scand (1975a)] และการทดลองให้แม่ที่ให้นมบุตรเคี้ยวหมากฝรั่งที่ผสมไซลิทอลจนครบอายุ 2 ปี เมื่อทำการตรวจทันตกรรมเมื่อเด็กอายุครบ 5 ปี พบว่าปริมาณฟันผุลดลงถึง 70% เทียบกับแม่ที่ให้นมบุตรที่เคี้ยงหมากฝรั่งธรรมดา
ไซลิทอลมีประโยชน์อย่างไร
• ช่วยป้องกันฟันผุได้
• ช่วยลดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อฟันให้น้อยลง
• ช่วยยับยั้งการยึดเกาะของแบคทีเรียบนผิวฟัน
• ช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อโรคฟันผุจากมารดาสู่ทารก
• กระตุ้นกระบวนการสะสมกลับของแร่ธาตุที่ฟันในผู้ที่มีฟันผุ
• กระตุ้นน้ำลายในผู้ป่วยที่มีอาการปากแห้ง
• หยุดยั้งการลุกลามของโรคในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
• เพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดแต่ไม่เพิ่มแคลอรี่ในผู้ป่วยโรคอ้วน
วิธีรับประทาน สามารถใช้แทนน้ำตาลทรายทั่วไป ความหวานเทียบเท่าน้ำตาลทรายปกติ
ชงใส่เครื่องดื่ม ผสมอาหาร หรืออื่นๆได้ตามต้องการ